ธนูเป็นหนึ่งในทักษะที่จำเป็นต้องผ่านการฝึกฝนแล้วฝึกฝนอีก ทั้งทักษะการยิงธนูเอง และยังต้องฝึกฝนสภาพร่างกายและจิตใจให้เหมาะสมอีกด้วย นักแม่นธนูนั้นจะต้องมีจิตใจที่มั่นคงแน่วแน่ เมื่อกำหนดเป้าหมายได้แล้วก็จะไม่หวั่นไหว ไม่ว่าจะมีสิ่งใดมารบกวน แต่ก็จะยังจดจ่ออยู่ที่เป้าหมายนั้นและยิงลูกธนูออกไปได้เข้าเป้าเสมอ คนที่จะเป็นนักแม่นธนูได้จึงต้องมีความมุ่งมั่น ทุ่มเท อดทน อดกลั้น ต้องมีการตัดสินใจที่แน่วแน่ที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้
ด้วยความที่ธนูเป็นอาวุธที่ใช้ในการต่อสู้ระยะไกล หากโดนข้าศึกเข้าประชิดตัวได้ พลธนูส่วนใหญ่ก็อาจไม่สามารถต่อสู้อะไรข้าศึกได้เลย แทบจะต้องตายสถานเดียว ดังนั้นในสงคราม พลธนูจึงถูกวางไว้ในแนวหลัง โดยมีเหล่าทหารราบคอยกำบังข้าศึกให้อยู่ด้านหน้า เราจะเห็นจากในหน้าประวัติศาสตร์อยู่เสมอว่า หลายครั้งพลธนูที่มีความเชี่ยวชาญสูง สามารถพลิกสถานการณ์การสู้รบจากที่เป็นรองให้กลายเป็นฝ่ายได้เปรียบได้ นักแม่นธนูมักจะถูกวางตัวไว้ให้เป็นมือลอบสังหาร ที่พร้อมยิงโจมตีปลิดชีวิตบรรดาแม่ทัพนายกองคนสำคัญของศัตรูจากตำแหน่งและในเวลาที่ไม่มีใครคาดคิด หลายครั้งด้วยฝีมือของนักแม่นธนูนี้ก็ทำให้สงครามจบลงได้อย่างรวดเร็ว ประชาชนและทหารทั้งสองฝ่ายจึงไม่ต้องสูญเสียชีวิตกันไปมากเท่าที่ควรจะเป็น
การที่พลธนูหนึ่งคนจะสามารถยิงธนูได้อย่างแม่นยำนั้น นอกจากตัวเองที่ต้องมีทักษะสูง มีร่างกายที่แข็งแกร่งสามารถง้างคันธนูได้อย่างรวดเร็ว มีสายตาที่เฉียบคมแม่นยำแล้ว มีความคิดที่หลักแหลมสามารถเลือกพื้นที่ที่เป็นประโยชน์กับตัวเองได้มากที่สุด และอ่านสภาพแวดล้อมได้อย่างถูกต้องแล้ว คันธนูและลูกศรที่เลือกใช้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน แม้ว่านักแม่นธนูตัวจริงจะสามารถใช้ธนูได้ทุกประเภท แต่หากอุปกรณ์ไม่เอื้ออำนวย นักแม่นธนูคนนั้นก็จะทำผลงานได้จำกัดเท่าที่ศักยภาพของเครื่องมือนั้นจะรับไหว
ลักษณะเด่นของคนเผ่าธนู
คนที่อยู่ในเผ่านักธนู ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีความรู้ความชำนาญเฉพาะด้านในระดับดีมาก จึงมักเป็นที่ต้องการขององค์กร (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าความเชี่ยวชาญที่มีนั้นเป็นเรื่องอะไรด้วย) คนในเผ่านี้จะมีนิสัยที่กล้าคิด กล้าตัดสินใจ กล้าเลือกเป้าหมายในอนาคตให้กับตัวเอง และจะหนักแน่นมั่นคงในทางที่ตัวเองเลือก มีความมุ่งมั่นที่จะเติบโตก้าวหน้าจึงพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ จนทำให้มีทักษะที่โดดเด่นแบบหาตัวจับยากบางอย่าง นอกจากนี้คนเผ่านักธนูยังสามารถอดทนรอคอยที่จะได้เก็บเกี่ยวผลลัพธ์จากความเชี่ยวชาญของตัวเองได้อย่างยาวนาน ในขณะที่คนจากเผ่าอื่นๆ ที่สนใจในความเชี่ยวชาญเดียวกันอาจล้มเลิกที่จะพัฒนาตัวเองไปแล้วเมื่อพบว่าตัวเองไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากความเชี่ยวชาญนั้นได้เลย แต่คนเผ่านักธนูจะไม่ยอมล้มเลิก ทำให้ในท้ายที่สุด พวกเขามักได้รับสิ่งดีตอบแทนที่ยิ่งใหญ่มากกว่าที่คาดคิดไว้
บางครั้งเมื่อคนเผ่าอื่นมองคนเผ่านักธนู อาจรู้สึกว่าเป็นพวกที่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่ตัวเองสนใจมากเกินไป จนรู้สึกว่าพวกเขาเป็นคนที่เข้าถึงได้ยาก จริงๆ แล้วเผ่านักธนูเป็นพวกที่ยินดีถ่ายทอดความรู้ที่ตัวเองมีให้กับคนอื่นและรู้สึกดีที่ได้คุยเรื่องที่ตัวเองมีความเชี่ยวชาญกับคนอื่นด้วย แต่อย่างไรก็ดีคนเผ่านี้มักไม่แบ่งเวลาเรียนรู้ทักษะการสื่อสาร และมักไม่ค่อยได้ใส่ใจความคิดความรู้สึกของคนอื่นมากนัก จึงทำให้คนเผ่าอื่นรู้สึกว่า คุยกับเขาไม่รู้เรื่อง นอกจากนี้ในสายตาของคนเผ่าอื่น คนเผ่านักธนูมักดูเป็นคนที่พักไม่เป็น ไม่รู้จักหาความสุขใส่ตัวบ้าง เพราะชอบทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ แม้กระทั่งเวลาส่วนตัวก็ยังใช้ไปกับการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเองพัฒนางานหรือหาคำตอบสำหรับข้อสงสัยที่ตัวเองยังไม่รู้ แต่สำหรับเผ่านักธนูเอง กลับมองว่าการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบนั่นแหละ คือ ความสุขที่สุดแล้ว และนั่นก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเหน็ดเหนื่อยเพราะทำงานหนักเลยด้วย ด้วยความที่คนเผ่านักธนูให้ความมุ่งมั่นทุ่มเทในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างจริงจัง ชอบที่จะท้าทายตัวเองด้วยการทดลองทำสิ่งที่ยากขึ้นไปอีก และพร้อมเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ความล้มเหลวของตัวเอง ทำให้คนเผ่านี้มีโอกาสที่จะค้นคว้าจนค้นพบความจริงยิ่งใหญ่ที่ซ่อนเร้นอยู่ หรือสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน จนกลายเป็นนวัตกรรมที่พลิกโลกได้
จุดอ่อนที่อาจส่งผลต่อการเติบโตก้าวหน้าในสายอาชีพของเผ่านักธนูส่วนใหญ่ก็คือ มัวแต่พัฒนาทักษะที่ตัวเองเลือกเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้มองว่าทักษะอื่น หรือคุณลักษณะของตัวเองก็มีผลต่อความสำเร็จเช่นเดียวกัน เผ่านักธนูจำนวนมากที่มีปัญหาเรื่องการสื่อสารประสานงาน การบริหารจัดการโครงการ การวางแผนปฏิบัติการและแผนกลยุทธ์ รวมถึงการบริหารคน นั่นทำให้เผ่านักธนูไม่สามารถก้าวขึ้นไปเป็นผู้บริหารที่ดีได้ หลายครั้งที่องค์กรเลือกโปรโมทเผ่านักธนูที่เก่งสุดยอดขึ้นไปเป็นผู้บริหาร สิ่งที่องค์กรได้มาคือผู้บริหารที่ทำงานไม่เป็น แถมยังขาดผู้เชี่ยวชาญที่เก่งสุดยอดไปคนหนึ่ง ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไรกับทั้งสองฝ่ายเลย ดังนั้นหากเผ่านักธนูต้องการเติบโตในหน้าที่การงาน ไม่หยุดอยู่แค่การเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ก็จำเป็นต้องฝึกฝนพัฒนาทักษะด้านการบริหารจัดการด้วย
เครื่องมือที่ดีเพียงพอนั้นสำคัญมากสำหรับคนเผ่านักธนู ไม่ว่าเผ่านักธนูนั้นจะเก่งสักแค่ไหน ถ้าระบบหรือเครื่องมือที่นำมาให้ใช้ในการทำงานไม่รองรับความต้องการของเผ่านักธนู เผ่านักธนูนั้นก็จะไม่สามารถแสดงศักยภาพที่มีอยู่ในตัวออกมาทั้งหมดได้ แต่ในทางกลับกัน เผ่านักธนูบางคนก็อาจให้ความสำคัญกับอุปกรณ์มากเกินไป จนลืมไปว่า ไม่ว่าอุปกรณ์จะดีแค่ไหนถ้าคนใช้มีทักษะความสามารถไม่ดีพอ อุปกรณ์นั้นก็ไม่สามารถแสดงศักยภาพของมันออกมาได้เช่นกัน
หลุมพรางที่คนเผ่านักธนูต้องระวัง คือ การยอมฟังเสียงคนรอบข้างมากกว่าเสียงในใจของตัวเอง การจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาใดสาขาหนึ่ง จำเป็นจะต้องใช้เวลาและความเพียรพยายามในการฝึกฝนเพิ่มเติมความรู้และทักษะเหล่านั้น ในช่วงเวลาที่ยังไม่เห็นผลลัพธ์ เป็นช่วงที่มักจะเกิดการทดลองใจ อาจโดนคนรอบข้างตำหนิ ต่อว่า หรือต่อต้านเพราะไม่เห็นด้วยที่เราเลือกทุ่มเททำในสิ่งนั้น หากใจไม่หนักแน่นพอ ก็อาจล้มเลิกไปก่อนได้ เท่ากับว่าสิ่งที่ได้ลงทุนลงแรงฝึกฝนมาทั้งหมดนั้นก็สูญเปล่าไป ดังนั้นสำหรับเผ่านักธนู ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาใดนั้น ควรจะต้องนึกถึงผลลัพธ์ปลายทางที่ตัวเองต้องการก่อน เมื่อตัดสินใจเลือกได้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องฟังใครหรือคิดอะไรมากอีก มุ่งไปข้างหน้าจนกว่าจะคว้าเอาอนาคตที่ตัวเองต้องการมาได้ มีรางวัลรออยู่สำหรับคนที่เข้มแข็งมุ่งมั่นมากเพียงพอเท่านั้น และอย่าลืมว่าแค่คุณได้ทักษะความสามารถนั้นมา ก็เป็นรางวัลที่ดีเพียงพออยู่แล้ว
Comments