ในอดีตที่การเดินทางยังไม่ได้สะดวกสบายเหมือนทุกวันนี้ เส้นทางหลักที่ใช้ในการเดินทางข้ามเมืองข้ามประเทศคือ การเดินเรือ เหล่าบรรดาลูกเรือที่เรียกว่ากะลาสีนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่โหยหาอิสระ ไม่อยากถูกจำกัดอยู่ภายใต้เกาะเล็กๆ ที่ตัวเองเกิดและเติบโตขึ้นมา อยากล่องเรือออกไปในน่านน้ำไกล เพื่อผจญภัยและตามล่าหาโอกาสที่แตกต่างไปจากเดิม
แต่ถึงแม้ว่าจะรักอิสระแค่ไหน เมื่อขึ้นไปอยู่บนเรือ ก็ย่อมมีกฎของเรือ ทุกคนจะต้องทำงานตามบทบาทหน้าที่ของตัวเอง ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้กรอบวินัยที่ชาวเรือร่วมกันกำหนดขึ้นมา เพราะต้องอยู่ร่วมกันบนเรือลำเล็กๆ จนกว่าจะถึงเวลาที่เรือเข้าเทียบท่าอีกครั้ง
แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ากะลาสีทำตัวผิดธรรมดา จนกลายมาเป็นโจรสลัดจอมแหกกฏ
จอมแหกกฎ มักหมายถึง คนที่ไม่ชอบอยู่ภายใต้กฏระเบียบใดๆ ชอบท้าทายประเพณีนิยม หรือวิถีปฏิบัติที่คนในองค์กรเคยทำๆ กันมา ในแง่ดีเขามักมาพร้อมไอเดียแปลกๆ ใหม่ๆ ที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับองค์กรได้ แต่ในแง่ลบ เขาก็สร้างความปั่นป่วนให้กับระบบการปกครองดูแลภายในองค์กร เพราะไม่ใช่แค่ตัวเขา แต่เขายังอาจทำให้คนอื่นๆ ในองค์กรกลายมาเป็นร่วมแหกกฎไปกับเขาด้วย
จอมแหกกฏหลายคนมักทำให้หัวหน้าต้องปวดหัว เพราะไม่สามารถใช้งานเขาได้ แต่ก็เสียดายในความคิดความสามารถจนไม่กล้าทำโทษหรือไล่ออก
จริงๆ แล้วในตัวทุกคนมีความเป็น “กบฎ” อยู่ภายในตัว เรามักมีความไม่พึงพอใจต่อกฏระเบียบและวิถีปฏิบัติของสังคมบางอย่างอยู่บ้างไม่มากก็น้อย สำหรับจอมแหกกฏทั้งหลาย พวกเขาแค่ปลดปล่อยความกบฎในตัวออกมาอย่างเต็มที่ก็เท่านั้น และบ่อยครั้งที่เมื่อเขาทำเช่นนั้น ก็สามารถทำให้คนจำนวนหนึ่งรู้สึกชื่นชมและอยากทำตาม
บ่อยครั้งที่ผลลัพธ์ของการแหกกฏก็ทำให้ได้อะไรใหม่ๆ ที่ดียิ่งกว่าเดิม และทำให้พวกเขาได้รับการยกย่องยอมรับมากกว่าเดิม นั่นยิ่งเป็นการเสริมแรงให้จอมแหกกฏยิ่งชอบที่จะแหกกฏมากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
ในมุมมองของคนที่คุมกฏ หรือคนที่เชื่อมั่นการทำงานอย่างเป็นระบบ (โดยเฉพาะเผ่าตาชั่ง Scale Tribe) จอมแหกกฏถือเป็นภัยคุกคามตัวฉกาจ !!!
หลายคนที่มีลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงานเป็นจอมแหกกฎ ก็มักจะเลือกใช้วิธีการบังคับควบคุมให้เข้มงวดมากขึ้น พร้อมทั้งใช้มาตรการดุดันจากเบาไปหาหนัก เพื่อกดดันให้จอมแหกกฎกลับมาอยู่ในกฎ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบคนแหกกฏและกำลังทำเช่นนั้น ขอให้รีบเปลี่ยนวิธีคิดก่อนเลย คุณต้องเข้าใจว่าการพยายามบังคับให้เขาอยู่ในกฏจะยิ่งทำให้เขาอยากแหกกฏมากขึ้นเท่านั้น
วิธีการจัดการกับจอมแหกกฎที่ดีกว่า คือ การแปลงพลังความกบฏของเขามาใช้ในแง่บวก คุณต้องยอมเปิดพื้นที่สร้างเวทีให้จอมแหกกฏทั้งหลายใช้พลังความคิดของเขาบนโจทย์ที่องค์กรต้องการ เช่น สร้างเวทีประกวดไอเดียเพื่อการพัฒนากระบวนการทำงาน หรือการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ
นอกจากการแปลงพลังกบฏให้เป็นพลังบวกแล้ว คุณยังควรพูดคุยกับจอมแหกกฏอย่างจริงจัง อธิบายให้เขาเข้าใจถึงเหตุผลของแต่ละกฎระเบียบที่เกิดขึ้นซึ่งจำเป็นกับภาพรวมที่มีคนเกี่ยวข้องจำนวนมาก และบอกให้เขาช่วยคุณคอยมองดูว่า มีกฏระเบียบไหนที่เป็นอุปสรรคต่อทำงาน สร้างผลลบกับองค์กรมากกว่าผลบวก ทำให้เขารู้ว่าคุณพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนบางอย่างถ้ามันเป็นอุปสรรคต่อการทำงานจริงๆ แต่หากเขายังหาข้อบกพร่องของกฏระเบียบและหาวิธีการที่ดีกว่ากับคนหมู่มากไม่ได้ ก็ขอให้เขาให้ความร่วมมือกับองค์กรไปก่อน